タスク4:เจ้าความลับ กับ Output
สวัสดีวันพุธค่ะเพื่อนๆ พบกันอีกแล้ว สบายดีกันหรือเปล่าคะ? (◍•ᴗ•◍)❤
ถึงวันนี้จะเป็นวันเมษาหน้าโง่ แต่น้องแสวมาลงบล็อกจริงๆ !!
ไม่ได้อำไม่ได้หลอกนะคะๆๆ ٩(๑˃́ꇴ˂̀๑)۶
ถึงวันนี้จะเป็นวันเมษาหน้าโง่ แต่น้องแสวมาลงบล็อกจริงๆ !!
ไม่ได้อำไม่ได้หลอกนะคะๆๆ ٩(๑˃́ꇴ˂̀๑)۶
เพราะว่าวันนี้น้องแสวมี เรื่องสนุกๆ มาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังค่ะ อิอิ
ในวิชา App Jap Ling น้องแสวได้มีโอกาสเรียนเกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษา ที่มีทั้ง Input ซึ่งเป็นการรับความรู้เข้ามาของผู้เรียนค่ะ (การรับความรู้ที่ดีควรจะเป็น i+1 หรือรับเนื้อหาที่มีความยากมากกว่าระดับของเราอยู่ 1 ระดับ) ใครอยากอ่านเพิ่มเติม เข้าไปอ่านได้ที่บล็อกก่อนหน้าได้เลยนะคะ >> จิ้มๆ <<
และอีกส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ ก็คือส่วน Output ค่ะ เรียนอย่างเดียวคงไม่ได้ เราต้องมีการ Output สิ่งที่เราได้เรียนรู้ออกมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นการทำแบบฝึกหัด การพูด ซึ่งมันจะทำให้เราได้ตกผลึกสิ่งที่เราได้เรียนรู้ออกไปค่ะ ซึ่งวันนี้ น้องแสวจะมาพูดถึงเจ้า Output นี่แหละค่ะ ٩(●˙▿˙●)۶…⋆ฺ
น้องแสวเรียนเรื่อง Output ก็ตอนที่ได้เรียน Online คาบแรกเลย เป็นครั้งแรกที่ทำงานกลุ่ม หรืออะไรหลายๆอย่างผ่านจอTT เหงามากก(ขี้บ่นจัง) คือจะมีช่วงนึงที่อาจารย์ถามความคิดเห็นด้วยว่า คิดว่าควรจะมี Input กับ Output กี่ส่วน การเรียนถึงจะมีประสิทธิภาพ? ส่วนตัวแล้วน้องแสวคิดว่ามันสำคัญพอๆ กันทั้งคู่เลย ถ้ามี Input เยอะไป ก็ไม่เกิดการคิดวิเคราะห์ ไม่ได้นำไปใช้จริงอีก แต่ถ้า Output มากเกิน เราจะเอาความรู้ที่ไหนไปตกผลึกล่ะ? น้องแสวก็เลยคิดว่า ประมาณ Input 6 Output 4 น่าจะกำลังดีค่ะ เพราะส่วนตัวคิดว่า ถ้าเราได้ทำแบบฝึกหัด มันทำให้เราได้คิด แล้วก็ได้จดจำข้อผิดพลาดของเรา ซึ่งมันจะทำให้ครั้งต่อไปเราจะพัฒนาขึ้นค่ะ
เพราะว่าเรียนเรื่อง Output ในคาบนี้ อาจารย์ก็เลยให้พวกเราได้ฝึกการ Output ผ่านการ เล่าเรื่อง นั่นเองค่ะ !! จริงๆ มันเป็นงานที่ส่งไปแล้ว แต่น้องแสวอยากเอามาแบ่งให้เพื่อนๆ ในบล็อกได้อ่านกันด้วย เลยมาลงย้อนหลังแบบเลทๆ ค่ะอิอิ
+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-+:-
เพราะว่าเรียนเรื่อง Output ในคาบนี้ อาจารย์ก็เลยให้พวกเราได้ฝึกการ Output ผ่านการ เล่าเรื่อง นั่นเองค่ะ !! จริงๆ มันเป็นงานที่ส่งไปแล้ว แต่น้องแสวอยากเอามาแบ่งให้เพื่อนๆ ในบล็อกได้อ่านกันด้วย เลยมาลงย้อนหลังแบบเลทๆ ค่ะอิอิ
อะ มาค่ะ ให้ภาพมันเล่าเรื่อง ไปดูกัน
*น้องแสวเพิ่งเห็นว่าภาพมันไม่ขึ้น ขออภัยทุกท่านค่ะแงง5555*
”それは秘密です”
“เรื่องนั้นน่ะ เป็นความลับนะ”
แปลให้ง่ายๆ เลยก็คือ มันมีคู่รักอยู่คู่นึงค่ะ ผู้หญิงเนี่ยสวยมากกกก แบบนางฟ้า คือสวยศัลย์นะบ่ใช่สวยธรรมชาติ แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ก็เพราะสวยศัลย์ของเธอนี่แหละ ทำให้ตกหนุ่มหล่อแสนดีได้หนึ่งคนอะจ้าา แหมๆ (ไม่ได้อิจฉา)
แล้วเผอิญวันนึง ตอนพ่อแสนดีไปหาที่ห้องเนี่ย ก็ดั๊นนไปเจออัลบั้มรูปเก่าๆ ของนางเข้า นางก็แบบโอยยยย ชิ_หายแล้ว โป๊ะแตก ก็กลัวว่าผู้ชายจะบอกเลิก เป็นตกตระหนื่นเอ้ยตื่นตระหนกไปหมด แต่ปรากฏผู้ชาย หันมายิ้ม แล้วพูดว่า
“เรื่องแบบนั้นไม่เห็นจะต้องสนใจเลยตุงเงง”
ถึงกับร้องโอ้โหหหห พ่อพระมากปะ แสนดีไปไหนเอ่าะ ผู้หญิงคือเกียมหันไปซบอกร้องไห้แล้ว
แต่ทว่า ..
พอพูดจบ ผู้ชายก็เอื้อมมือไปจับหัวตัวเอง พร้อมๆกับ ดึงผมทั้งหมดออก เห็นแต่หัวโล้นๆ ลานบินชั้นสูง ไม่มีผมซักเส้น..........แก มันคือวิก คือผู้ชายมันใส่วิกมาตลอดเลยแก5555555 บ่ได้เลยอะเป็นช็อคมาก555555 ผู้หญิงนางก็อึ้ง พูดอะไรไม่ออกไปเลยค่ะ
ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นในการ์ตูนสี่ช่องนี้ค่ะ
+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-+:-
+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-+:-
ซึ่งในคาบเรียนออนไลน์คาบแรกของน้องแสว ก็มีงานที่ได้รับมอบหมายก็คือ
เล่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็นภาษาญี่ปุ่น
ดูชิลๆ ใช่มั้ยคะ มาดูกันค่ะว่านังแสวเล่าออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นยังไง
この面白い話は、あるカップルがいる。彼女は整形でとても綺麗な人なので、自分の好みに合う優しくて素敵な彼氏が取れた。けれど、彼氏が彼女の部屋に来たとき、昔の写真を見られちゃった。嫌われるのか心配になったが、そうではなく、彼氏が「そんなこと気にしなくていいのに、だって…」と言って、突然、髪の毛だとずっと思っていたカツラを外した。彼氏が実はハゲだとそのときわかってきた。
อาจารย์ยามาดะเลยช่วยแก้แล้วก็คอมเมนต์มาให้ค่ะ (ขอบคุณอาจารย์มากๆ เลยนะคะ แง ดีใจ❤)
これはあるカップルについての面白い話。彼女は整形をしてとても綺麗な人になったので、自分の好みに合う優しくて素敵な彼氏ができた。けれど、彼氏が彼女の部屋に来たとき、昔の写真を見られちゃった。嫌われるのか心配になったが、そうではなく、彼氏は「そんなこと気にしなくていいのに、だって…」と言って、突然、髪の毛だとずっと思っていたカツラを外した。彼氏が実はハゲだとそのときはじめてわかった。
มาดูสคริปต์ของตัวเองแล้ว สิ่งที่รับรู้ได้อย่างแรกคือ ภาษาน้องแสวไม่มีสำนวนการเม้าท์มอยเลย 5555 มันทื่อมากๆ ไม่มีจุดพีคอะไรเลย ทำให้มันดูน่าเบื่อค่ะ ที่รู้ตัวก็เพราะว่า อาจารย์มีสคริปต์การเล่าเรื่องนี้ของคนญี่ปุ่นมาให้อ่านค่ะ Σ(・口・) อ่านแล้วรับรู้ถึงความสนุกจริงๆ มาลองอ่านกันค่ะ
สคริปต์ของคนญี่ปุ่น
あのさ、僕の知り合いの女の子で、明美ちゃんって子がいるんだけど。彼女、整形してすごい美人になったんだよね。彼女整形してからというもの、すごくもてだして、ついに優しくて素敵な彼が出来たんだ。でも、ある日、彼氏が家に来た時、昔の写真を見られちゃって整形したことがばれちゃったんだよね。で、彼女はきっと振られるだろうなと思ったわけ。でも、意外に彼氏のほうは平気でさ、「なんだ。そんなこと、気にしなくてもいいのに」と言うわけ。「なんでだろう」と思ったら、その彼氏、おもむろに頭に手をやってさ、なんと、髪の毛をとっちゃったんだよ。つまり、彼氏、カツラだったっていうこと。どっちもどっちだよね。それで、それからどうなったと思う? 実はお互い、絶対に秘密を守るって約束して今でも仲良く付き合っているらしいよ。
あのさ、僕の知り合いの女の子で、明美ちゃんって子がいるんだけど。彼女、整形してすごい美人になったんだよね。彼女整形してからというもの、すごくもてだして、ついに優しくて素敵な彼が出来たんだ。でも、ある日、彼氏が家に来た時、昔の写真を見られちゃって整形したことがばれちゃったんだよね。で、彼女はきっと振られるだろうなと思ったわけ。でも、意外に彼氏のほうは平気でさ、「なんだ。そんなこと、気にしなくてもいいのに」と言うわけ。「なんでだろう」と思ったら、その彼氏、おもむろに頭に手をやってさ、なんと、髪の毛をとっちゃったんだよ。つまり、彼氏、カツラだったっていうこと。どっちもどっちだよね。それで、それからどうなったと思う? 実はお互い、絶対に秘密を守るって約束して今でも仲良く付き合っているらしいよ。
ส่วนนี่คือสิ่งที่สังเกตเห็นได้เพิ่มเติมและได้โน้ตส่งอาจารย์ไปค่ะ
・คนญี่ปุ่นเล่าถึงความเดิมว่า จริงๆแล้ว ผู้หญิงเป็นคนขี้เหร่มาก่อน เป็นการเริ่มต้นเรื่อง
・คนญี่ปุ่นแต่งเติมลงไปว่า 彼女にもったいないぐらい มันทำให้การได้แฟนหล่อของผู้หญิงดูมีอะไร มากกว่าการบอกว่า "สุดท้ายก็ได้แฟนหล่อ" เฉยๆ
・จริงๆ น้องแสวโน้ตบอกอาจารย์ว่า ทั้งๆ ที่อยากพูดว่า หล่อ แต่ไม่ได้นึกถึง ハンサム เลย เหมือนไม่ได้ใช้คำนี้มานานมากๆ แล้ว พอใส่ไปแค่ 素敵 ที่แปลว่า วิเศษ มันเลยไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง ทั้งๆที่ควรจะเน้นเรื่องหน้าตา เพราะฝั่งผู้หญิงเค้าก็มีจุดเด่นคือหน้าตาที่สวยจากศัลยกรรม แต่อาจารย์บอกว่า คำว่า 素敵 มันสามารถใช้แทนกันได้ค่ะ เพราะมันจะมีความหมายที่ว่า หน้าตาก็ดี นิสัยก็ดี วิเศษไปเลย ประมาณนี้ค่ะ
・น้องแสวเผลอใช้ なので พอมาอ่านดูแล้วเลยรู้สึกตลกค่ะ555 ดูไม่ขี้เม้าท์เลย ติดมาจากตอน 発表
・คนญี่ปุ่นมีการอธิบายเพิ่มว่า เพราะผู้หญิงไม่ระวัง(油断) เผลอวางอัลบั้มไว้บนโต๊ะ แฟนก็เลยเห็น แต่ของน้องแสวคือใส่ว่าโดนเห็นเฉยๆเลย เลยอาจจะงงๆ ว่ามาบ้านแล้วทำไมเห็น ทั้งๆที่ดูไม่อยากจะให้เห็นซะขนาดนั้น
・คนญี่ปุ่นใช้ オノマトペ แต่น้องแสวไม่ได้ใช้เลย ลืมนึกถึงไปเลย
・น้องแสวใช้ 禿だった แต่คนญี่ปุ่นใช้ 髪の毛を取った
・คนญี่ปุ่นใช้ ついに ตอนบอกว่าในที่สุดก็ได้แฟนหล่อ
・คำว่า เอามือแตะหัว ใช้ 頭に手をやって ซึ่งน้องแสวนึกคำนี้ไม่ออกเลยเลี่ยงที่จะไม่ใช้แทนค่ะ แง5555
・ ประโยคปิดท้ายของคนญี่ปุ่นมีการเสริมเข้าไปว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้จบลงอย่างไร แต่น้องแสวจบแบบทื่อๆแทน เพราะไม่รู้ว่าควรจะจบการเล่าเรื่องยังไง(ในภาษาญี่ปุ่น)
・เห็นคนญี่ปุ่นใช้คำว่า わけ ด้วย แต่น้องแสวใช้คำนี้ไม่เป็นเลย อาจารย์เลยมาอธิบายเพิ่มเติมในคาบให้ว่ามันจะประมาณเวลาเราเล่าหรือบอกเหตุผล เพราะว่าอย่างงั้นมันเลยเป็นอย่างงี้นะ อะไรประมาณนี้ค่ะ คล้ายๆกับการใช้คำว่า のよ ลงท้ายประโยคเลย
พอได้มาทำกิจกรรม Output แล้วรู้สึกว่าได้สังเกตตัวเองหลายๆ อย่างเลย มันเหมือนเป็นการเช็คตัวเอง ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาตัวเองจากการที่เราได้ใช้ความรู้ที่ได้เรียนไป มาทำแบบฝึกหัดหรือทำกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ค่ะ ดังนั้น เวลาเรียนอะไร อย่าลืม Output มันออกมากันนะคะ !
พอได้มาทำกิจกรรม Output แล้วรู้สึกว่าได้สังเกตตัวเองหลายๆ อย่างเลย มันเหมือนเป็นการเช็คตัวเอง ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาตัวเองจากการที่เราได้ใช้ความรู้ที่ได้เรียนไป มาทำแบบฝึกหัดหรือทำกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ค่ะ ดังนั้น เวลาเรียนอะไร อย่าลืม Output มันออกมากันนะคะ !
วันนี้ก็คงต้องขอตัวลาไปก่อน พบกันเอนทรี่หน้านะคะ
รักษาสุขภาพกันด้วยน้า ٩(◦`꒳´◦)۶
เราก็เหมือนน้องแสวเลยค่ะ ไม่ค่อยได้ใส่คำช่วยท้ายประโยค แต่ต่อจากนี้จะลองใส่ดูค่ะ เพราะลองอ่านของคนญี่ปุ่นที่มีคำช่วยท้ายประโยคแล้วรู้สึกประโยคเป็นธรรมชาติขึ้นมากกว่าเดิมเยอะเลย >_<(ถ้าไม่อ่านบล็อกน้องแสวคงลืมแล้วว่าเรียนอะไรไป)
ตอบลบเราเองเข้าใจน้องแสวเลยค่ะ เม้ามอยด้วยภาษาที่ไม่ใช่ภาษาแม่นี่มันยากจริงๆนะคะ ต้องฝึกอีกนานกว่าจะได้อรรถรสแบบสมจริง;-; สังเกตตัวเองได้เยอะมากเลยด้วยค่ะ บางทีเราก็นึกพวกสำนวนที่เขาชอบใช้กันไม่ออกในทันที อยากอ่านแบบที่แก้แล้วfull versionขึ้นมาเลยค่ะ5555
ตอบลบ🥺blogของน้องแสวแสนน่ารักมากเลยค่ะ
การ์ตูนสี่ช่องเรื่องนี้พีคมากจริง555555 แต่เราก็เป็นเหมือนน้องแสวเลย ตอนอธิบายก็ขากสำนวนการเม้ามอยไปเหมือนกัน ยากมากเลยฮือๆ แล้วพวก オノマトペ เราก็ลืมใส่ไปเลยเหมือนกัน อุแง้
ตอบลบถ้าทำได้แบบพี่สาวญี่ปุ่นก็จะปังมาก แต่ทุกวันนี้ก็ทำง่อยๆไปแล้วก็notice+intake ไปเรื่อยๆ...
ตอบลบชอบความ Bullet point ประเด็นมาก ทำให้รู้สึกว่าอ่านง่ายย
ตอบลบเขียนแล้วไม่มีคำช่วยท้ายประโยคเหมือนกันเลยค่ะ555 นึกว่าคนเป็นคนเดียว
ตอบลบ